ประกันภัยรถจักรยานยนต์ มอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ มีกี่ประเภท ที่ไหนราคาถูกที่สุด

ประกันภัยรถจักรยานยนต์ มอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์ มีกี่ประเภท

เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจ และเลือกซื้อประกันรถจักรยานยนต์ได้ตรงกับความต้องการ รวมถึงเหมาะสมกับเงินในกระเป๋าด้วย ก่อนจะพูดถึงประเภทและความคุ้มครอง ผมขอแนะนำศัพท์ประกันภัยที่น่ารู้
พลัส หรือ + แปลว่า จะซ่อมรถคันของเราด้วยเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนรถ (รถหมายถึงยานพาหนะทางบกที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังเครื่องยนต์) และสามารถระบุคู่กรณีได้ (ไม่ว่าเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ตาม) โดยซ่อมรถเราได้ไม่เกินทุนประกันตามกรมธรรม์ ในกรณีที่เราขับรถถอยรถชนกำแพง รั้ว เสา ชนต้นไม้ ตกคูคลอง ส่วนนี้จะไม่ได้รับความคุ้มครอง เราต้องรับผิดชอบเองนะครับ
ทุนประกัน คือ วงเงินที่ประกันให้ความคุ้มครองรถของเรากรณีสูญหาย ไฟไหม้ หรือการชนที่ต้องซ่อมรถเรา ซึ่งทางบริษัทประกันจะเป็นผู้กำหนดทุนประกันของรถแต่ละคันครับ แต่โดยหลักการแล้วทุนประกันจะต่ำกว่าราคารถของเรา
ค่าเสียหายส่วนแรก คือ ส่วนที่ผู้เอาประกันจะต้องรับผิดตามเงื่อนไข ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด หรือเกิดอุบัติไม่ทราบคู่กรณี/ไม่มีคู่กรณี เช่น หน้าตารางกรมธรรม์กำหนดค่าเสียหายส่วนแรกไว้ที่ 2,000 บาท 5,000 บาท หรือ 10,000 บาท

ที่นี้ผมจะลองไล่เรียงตามลำดับความคุ้มครองจากน้อยไปหามาก ดังนี้

ประเภท 3 หรือชั้น 3

เน้นให้ความคุ้มครองคู่กรณีเป็นหลักเลยไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ร่างกายหรืออนามัย แต่รถเราไม่คุ้มครอง (ไม่ซ่อมรถเรา) เช่น เราขับบิ๊กไบค์ไปชนรถเบนซ์ได้รับความเสียหาย ประกันก็จะให้ความคุ้มครองซ่อมรถเบนซ์ หากคนขับรถเบนซ์บาดเจ็บประกันก็จะคุ้มครองด้วย แต่จะไม่มาซ่อมรถของเรา ซึ่งเบี้ยประเภทนี้ก็จะถือว่าถูกที่สุดเมื่อเทียบกับชั้นอื่นๆ ค่าเบี้ยประกัน 9xx-1,xxx บาท หรือ 900 กว่าบาท – พันนิดๆ ครับ ผมลองยกตัวอย่าง นาย ก. มีประกันได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปชนกับ นาย ข. ที่ขับมอเตอร์ไซค์ Ducati ร่วมทางมาด้วยกันจนนาย ข. เสียชีวิต ประกันชั้น 3 จะต้องจ่าย ให้ทายาทผู้เสียชีวิต 500,000 บาท (ถ้ามีภาคสมัครใจกฎหมายบังคับให้จ่าย) และในส่วนของ พรบ. ก็ต้องจ่ายอีก 500,000 บาท (กฎหมายบังคับให้จ่าย)  เท่านั้นยังไม่พอประกันชั้น 3 ยังต้องตามไปซ่อมรถคู่กรณีอีกด้วย Ducati เสียหาย ซ่อมอีก 500,000 บาท ประกันก็ต้องจ่ายค่าซ่อมให้ทั้งหมด  รวมตัวเลขแล้ว 1,500,000 บาท  ฉะนั้นแล้วถ้าเรายังไม่อยากทำประกันด้วยเบี้ยหลายๆ พัน เหมือนพวกชั้น 1 หรือ 2+ ก็เลือกทำประกันชั้น 3 ธรรมดาตัวนี้ พอช่วยลดความเสียหาย ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับ อย่างน้อยก็เป็นผลดีกับผู้ร่วมทางหรือผู้ประสบภัย


ประเภท 3 พลัส หรือชั้น 3 +

นอกจากจะให้ความคุ้มครองคู่กรณีแล้วตามความคุ้มครองของชั้น 3 แล้ว รถคันของเราจะได้รับความคุ้มครอง (ซ่อมรถเรา) ด้วย เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนรถและสามารถระบุคู่กรณีได้ แต่จะซ่อมได้ไม่เกินทุนประกันรถเราครับ เช่น รถเราทำทุนประกัน 50,000 บาท ก็ซ่อมได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท  เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความคุ้มครองซ่อมรถคันของเราด้วย เบี้ยก็จะขยับสูงขึ้นมาอีกพอสมควรเลยครับ ค่าเบี้ยจะมากหรือน้อย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และรุ่นรถและข้อมูลของผู้ขับขี่ด้วยครับ

# ประกันบางที่ให้ทุนประกัน หรือค่าซ่อมรถเรา เพียง 5,000 – 10,000 บาท ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอในการซ่อมแต่ละครั้ง ทำให้เราต้องเงินจ่ายเพิ่มเติมไปอีก แต่ประกันของเราให้ทุนได้สูงกว่านั้น สูงสุด 100,000 บาท สำหรับ 3+ และ 2+ และเบี้ยไม่สูงอย่างที่คิดอีกด้วย


ประเภท 2 หรือชั้น 2

เน้นให้ความคุ้มครองคู่กรณีเป็นหลัก ทั้งทรัพย์สิน ร่างกายหรืออนามัย โดยที่ไม่คุ้มครองรถเรา (ไม่ซ่อมรถเรา) แต่ได้เพิ่มความคุ้มครองรถหาย และไฟไหม้ เข้าไปด้วย ง่ายๆ เลยครับ มันก็คือประกันชั้น 3 ที่เพิ่มความคุ้มครองรถหายและไฟไหม้เข้าไปครับ ถ้าจะเลือกประเภทนี้ ลองกัดฟันเลือก 2 พลัส เพราะจะได้มีคุ้มครองรถคันของเราด้วย

ประเภท 2 พลัส หรือชั้น 2+

จริงๆ แล้วก็คุ้มครองเหมือนกับ 3 พลัส เลยครับ แต่จะมีความคุ้มครองเพิ่มเติมเข้ามา คือ คุ้มครองรถหายและไฟไหม้ ซึ่งหลายๆ ท่านที่กังวลทั้งเรื่องอุบัติเหตุ และกลัวรถหายด้วย แผนนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ครับ เพื่อให้เห็นภาพ ผมลองยกตัวอย่าง 2 เคส
เคสแรก เราขับรถบิ๊กไบค์ไปชนกับรถเบนซ์ได้รับความเสียหาย 500,000 บาท ประกันจะคุ้มครองคู่กรณีไปจัดซ่อมให้รถเบนซ์ 500,000 บาท และจะมาซ่อมรถคันของเราด้วย หากรถคันนี้มีทุนประกัน 100,000 บาท แต่เสียหาย 80,000 บาท ก็จัดซ่อมตามจริงไป
เคสที่สอง เราจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่ร้านสะดวกซื้อ เมื่อกลับออกมาจากการซื้อของ ปรากฎว่ารถหาย เคสนี้ก็จะได้รับความคุ้มครองกรณีรถหาย ซึ่งจะคุ้มครองตามทุนประกัน เช่น ทุนประกัน 50,000 บาท แม้ว่าราคาตลาดของรถคันนี้จะอยู่ที่ 65,000 บาท ประกันก็จะใช้ตามทุนประกันที่ 50,000 บาท นะครับ
ประกันประเภทนี้ผมมองว่าตอบโจทย์สำหรับเจ้าของรถจักรยานยนต์หรือบิ๊กไบค์ที่มีราคาสูงที่กังวลเรื่องรถหาย และต้องการให้คุ้มครองกรณีอุบัติเหตุด้วย และเบี้ยไม่สูงจนเกินไป
# ประกันบางที่ให้ทุนประกัน หรือค่าซ่อมรถเรา เพียง 5,000 – 10,000 บาท ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอในการซ่อมแต่ละครั้ง ทำให้เราต้องเงินจ่ายเพิ่มเติมไปอีก แต่ประกันของเราให้ทุนได้สูงกว่านั้น สูงสุด 100,000 บาท สำหรับ 3+ และ 2+ และเบี้ยไม่สูงอย่างที่คิดอีกด้วย

ประเภท 1 หรือชั้น 1

หลายๆ ท่านคงทราบดีว่าประกันชั้น 1 จะได้รับความคุ้มครองครอบคลุมที่สุดแล้ว (แต่ไม่ใช่ทุกกรณีนะครับ) ความเสียหายจะต้องมาจากกรณีอุบัติเหตุ เช่น หนูกัดสายไฟ ขับรถชนกำแพง รั้ว สุนัข รถยนต์คู่กรณี หรือกรณีรถหาย ไฟไหม้ ภัยธรรมชาติน้ำท่วม ลมพายุ ก็ได้รับความคุ้มครอง แต่ผมขอยกตัวอย่างเพิ่มเติมในกรณีที่ไม่ได้รับความคุ้มครองบ้างนะครับ เช่น สีรถลอกร่อน อุปกรณ์เสื่อมสภาพ ยางรั่วยางแตกและตัวรถไม่ได้รับความเสียหาย เป็นต้น เมื่อได้รับความคุ้มครองสูง เบี้ยก็จะสูงตามไปด้วยครับ

ตารางเปรียบเทียบความคุ้มครองประกันภัยรถจักรยานยนต์ของรู้ใจ

ตารางเปรียบเทียบความคุ้มครองของรู้ใจ

ข้อจำกัด

  • โดยส่วนใหญ่ประกันรถจักรยานยนต์มักจะมีค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ด้วย เพื่อให้ผู้เอาประกันจะต้องร่วมรับผิดชอบ เนื่องจากรถจักรยานยนต์มีความเสี่ยงค่อนข้างมากเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ทั่วไป และจะได้ให้ผู้เอาประกันภัยเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่มากยิ่งขึ้น ค่าเสียหายส่วนแรก เราอาจจะสามารถเลือกได้ เช่น 2,000 บาท 5,000 บาท หรือ 10,000 บาท ต่อครั้ง
  • ทางรู้ใจมีข้อจำกัดในเรื่องอายุ เพราะรถจักรยานยนต์มีความเสี่ยงสูงมาก ฉะนั้นผู้ทำประกันจะต้องมีอายุที่ไม่น้อยเกินไปจึงจะสามารถทำประกันภัยได้

ประกันภัยรถจักรยานยนต์ ที่ไหนราคาถูก และให้ความคุ้มครองที่สูง

ผมเคยเทียบเบี้ยกับหลายๆ บริษัทประกันภัยแล้ว ประกันประเภท 3+ 2+ และชั้น 1 มาหลายๆ ที่จะพบว่าเช็คเบี้ยได้ยากเพราะมีไม่กี่บริษัทที่รับทำประกันภัยรถจักรยานยนต์ แถมเบี้ยแพง ความคุ้มครองน้อย และที่สำคัญค่าเสียส่วนแรกบางที่สูงมากๆ (สูงกว่าเบี้ยประกันก็ยังมี) แต่ประกันที่เราแนะนำจะถูกกว่าทื่อื่น แถมทุนประกันสูงกว่าและยังรับทำประกันได้หลากหลายรุ่น ยี่ห้ออีกด้วย จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการทำประกันภัยรถจักรยานยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือบิ๊กไบค์ หากสนใจคลิ๊กที่นี่เพื่อลองเช็คเบี้ยได้ก่อนครับ https://roojai.com รับรองไม่ผิดหวังครับ เพราะรู้ใจกล้าการันตี หากที่อื่นเบี้ยถูกกว่า ยืนดีคืนเงิน

และหลายๆ ท่านชอบถามว่าแล้วทำประกันแบบไหนดีที่สุด ผมอยากจะแนะนำให้ง่ายๆ หลังจากที่เราเข้าใจถึงความคุ้มครองแต่ละประเภทแล้ว เราอยากควักเงินออกจากกระเป๋าได้เท่าไหร่ ก็เลือกประกันประเภทนั้นไปครับ บางทีก็อยากทำชั้น 1 แต่ถ้าเราไม่พร้อมหรือไม่อยากจ่ายเบี้ยสูงๆ ก็ลองลดความคุ้มครองลงมาครับ 
รู้ใจรับประกันรถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ หลากหลายยี่ห้อ

โปรโมชั่น

  • ผ่อนชำระโดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ได้ 10 งวด
  • มีรีวอร์ดคูปองออนไลน์มูลค่าสูงสุด 1,500-2,000 บาท
  • มีส่วนลดในระบบทำให้เบี้ยถูกกว่าเจ้าอื่น (การันตรีถ้าเบี้ยที่อื่นถูกกว่ายินดีคืนเงินด้วยครับ)

TIP ลดเบี้ยประกัน

  • กรณีใช้รถน้อย หรือชายหญิงสมรส (จดทะเบียนสมรสแล้ว) ได้รับส่วนลดเพิ่มเติม
  • ถ้าประวัติดีมีเยอะให้กรอกตามจริง เช่น 40% 50% ถ้ามีน้อยกว่านี้ให้กรอกประวัติดีเป็น “ไม่ทราบข้อมูล” เพราะจะได้รับส่วนลด 30% ทันที
  • แนะนำให้กรอกเบอร์โทร/อีเมลไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการเช็คเบี้ยให้เราครับ

TiP ลดเบี้ยสำหรับลูกค้าที่มีเคลม ทำเพียง 3 ขั้นตอน เพื่อให้ได้รับเบี้ยถูกดังนี้

  1. เลือกกรอกการเคลม เป็น “ไม่มีเคลม” หรือ  “0 ครั้ง”
  2. เลือกประวัติดีเป็น “ไม่ทราบข้อมูล”๊ เท่านั้น (เพราะจะมีผลทำให้เจ้าหน้าที่จะไม่ตรวจสอบประวัติดีในกรมธรรม์เดิม)  
  3. (สำคัญที่สุด) เมื่อเจ้าหน้าที่โทรมารีเช็คการกรอกข้อมูลเพียงแค่เราแจ้งยืนยันว่า “ไม่มีเคลม” อีกครั้งเท่านั้น 

เพียงเท่านี้เราก็จะได้เบี้ยที่ถูกกว่าเดิม และไม่ต้องกังวลเพราะทางรู้ใจจะไม่ตรวจสอบประวัติการเคลมจากบริษัทประกันภัยที่เดิมอีกครับ (เพราะเราเลือกเป็นแบบ ไม่ทราบประวัติดี)  

ใส่ความเห็น